

ทั้งอ่านทั้งฟังเรื่องการลงทุนในหุ้น การเลือกหุ้นพื้นฐานดีมาก็มาก บางทีก็เห็นคนเล่นหุ้นมีอาการเคือง ๆ เซียนกันอยู่บ้าง ก็ดันเป็นเล่นตามที่เค้าวิเคราะห์ไว้เล่นกันแบบเทหน้าตัก พอไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาก็มีอาการของขึ้นกันซะงั้น เป็นอันงงกันไปนะครับ เพราะเซียนวิเคราะห์ก็ส่วนหนึ่งนะครับเอาไว้เป็นความรู้ เป็นการเปิดโลกทัศน์ของตัวเอง แต่เงินลงทุนเป็นของเราครับ เราลงทุนได้ผลงอกเงยขึ้นมาก็เงินของเรา เราพลาดท่าเสียทีก็เงินเราครับ ดังนั้นเชื่อตัวเองให้มาก ๆ ครับ เหมือนเรายืนได้ด้วยขาของตัวเองนั่นแหละ
หลาย ๆ ครั้งเราได้อ่านบทความในทำนองที่ว่า นักลงทุนท่านนี้ประสบความสำเร็จได้เพราะว่าไม่ชอบเดินตามใคร ทวนกระแสได้ตลอด แต่ก็ใช้การคิดวิเคราะห์ของตัวเองเป็นหลักในการลงทุน รู้จัก “ปีเตอร์ ลินซ์” ไหมครับ นักลงทุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากอเมริกา ผู้ที่ชอบสังเกตสรรพสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือแม้แต่การบริโภคของผู้คน เค้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรที่ที่ขายดี และมีดีอะไร การเติบโตในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป ข้อมูลพวกนี้แหละที่จะเป็นตัวทำเงินให้เค้าได้ แหล่งข้อมูลของเค้าเจาะลึกมากทีเดียวไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท งานแสดงสินค้าต่าง ๆ หรือแม้แต่โรงงานผลิตเค้าก็ต้องดั้นด้นไปดูถึงที่ได้ เพราะเค้าถือว่าข้อมูลพวกนี้แหละ จะมีผลต่อการลงทุนต่อราคาหุ้นของเค้า แต่นั่นไม่ได้หลายความว่าเค้าจะต้องเชื่อในทุก ๆ สิ่งที่เค้าเห็นหรือประสบพบเจอมา ยังคงต้องมีกระบวนการคิดวิเคราะห์อีกหลายอย่าง บริษัทใหญ่บางแห่งเค้าเองก็ต้องใช้เวลาในการถือหุ้น 7-8 ปีเลยทีเดียว ที่ราคามันขึ้นจาก 12 เหรียญ จนไปอยู่ที่ 70 เหรียญ เพราะเค้ามั่นใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าบริษัทนี้ดีจริง
สิ่งที่ “ปีเตอร์ ลินซ์” จะระวังและคอยเตือนนักลงทุนก็คือ “หุ้นดัง” และ “หุ้นร้อน” เพราะว่าราคามันดูแล้วไม่สมเหตุสมผลเท่าไร จะขึ้นก็ขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว จะตกก็ตกมาจนน่าในหาย ถ้าจะเข้ามาในสนามหุ้นแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับนักเก็งกำไรครับ ถ้าเราสังเกตแล้วว่าราคาขึ้นลงเร็ว ก็ต้องรีบจับให้เร็ว รีบขายออกให้เร็วครับ
ข้อเตือนใจอีกส่วนหนึ่งที่ “ปีเตอร์ ลินซ์” ได้เคยกล่าวไว้ก็คือ บริษัทที่ขยายกิจการที่ตนไม่ถนัด อาจพลาดท่าเสียทีล้มไม่เป็นท่าได้เพราะหาไม่ใช่อุตสาหกรรมเดียวกันแล้วละก็ไม่ง่ายนะครับที่จะหาจุดลงตัวในการบริหารงานได้ หรือบริษัทที่มีลูกค้าในการร่วมธุรกิจเพียงแค่ 1-2 ราย (ใหญ่) เท่านั้น ก็มีความเสี่ยงที่บริษัทอาจหยุดการเติบโตเมื่อไหร่ก็ได้ หากผู้ร่วมธุรกิจเลิกสั่งสินค้า ก็จะเป็นเหตุแห่งความเสี่ยงได้ครับ