

ในฐานะที่เราเป็นผู้ลงทุน มีหุ้นแบบไหนบ้างที่เราควรมีหรือไม่มีอยู่ในพอร์ต ในส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราก็ไม่ควรมองข้ามก่อนที่จะเข้าลงทุน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ลงทุนด้วยว่าเราเป็นนักลงทุนในประเภทไหน ชอบความเสี่ยงมากหรือความเสี่ยงน้อย เพราะหุ้นแต่ละประเภทก็มีลักษณะเฉพาะตัวของมันอยู่แล้ว
มาดูหุ้นโตช้ากันหน่อย เจ้าหุ้นประเภทนี้มีข้อดีก็คือมักจะจ่ายปันผลในอัตราที่สูง และจ่ายอย่างสม่ำเสมอโดยจะส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในธุรกิจประเภทที่มีจุดอิ่มตัวเช่นธุรกิจโรงไฟฟ้า หรือธุรกิจรถไฟ ที่ในอดีตธุรกิจประเภทนี้เคยเป็นธุรกิจที่มาแรงมากหรือจะเป็นหุ้นที่โตเร็วมาก่อนนั่นเอง เมื่อเดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วก็เกิดความอิ่มตัวขึ้น ราคาหุ้นก็จะไม่เคลื่อนที่ไปไกลมากกว่าที่เป็นอีกแล้ว หากคุณเป็นนักลงทุนที่ไม่ได้ต้องการความหวือหวาเร้าใจจนเกินไป แต่ต้องการเงินปันผลในระดับสูงอยู่เสมอ และไม่ได้คาดหวังว่าธุรกิจจะพัฒนาไปไกลหรือหุ้นจะมีราคาสูงขึ้น เพียงแค่พอร์ตไม่แดงบวกเงินปันผลไว้เก็บกินก็เป็นอันพอใจ เพราะถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีเท่าไร ยังไงซะคนก็ยังคงต้องใช้ไฟฟ้าในการดำเนินชีวิตอยู่ดี ก็ยังถือได่ว่าเจ้าหุ้นโตช้าในอุตสาหกรรมประเภทนี้ตอบโจทย์ได้อยู่ครับ เก็บไว้ในพอร์ตถือว่าไม่เสียหาย
ไหน ๆ ก็เป็นนักลงทุนกันแล้ว หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอก็มีไว้ให้อุ่นใจแล้ว มาดูหุ้นโตเร็วกันหน่อยดีกว่า เชื่อว่านักลงทุนอดใจไม่ได้หรอกครับเพราะชีวิตมันก็ต้องมีสีสรรกันบ้าง ทั้งเสี่ยง ทั้งเสียว แต่แลกกับกำไรเป็นกอบเป็นกำที่รออยู่ข้างหน้า เป็นอันว่าต้องเสี่ยงกันทุกคนแน่ ๆ ครับ หุ้นโตเร็วเป็นแบบไหน ? ก็เป็นหุ้นที่มีกำไรที่โตวันโตคืนมากถึง 20-25% ต่อปี และโตขึ้นต่อเนื่องกันมาหลายปี ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่ในกิจการขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง แต่ก็ไม่ได้ฟันธงว่าหุ้นโตเร็วจะต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็วเสมอไปนะครับ เพราะในบางครั้งหุ้นที่โตช้าก็กลับทำกำไรโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วถึง 20% กันเลย และเราก็ต้องไม่ลืมว่าอะไรก็ตามที่โตเร็วก็มีสิทธิ์ที่จะล้มได้เร็วเหมือนกันนะครับ เพราะเผอิญว่าสายป่านยาวไม่พอ แต่คิดการลงทุนที่ใหญ่ล่วงหน้าไปแล้วทำให้หมุนเงินไม่ทัน นั่นหมายถึงว่าพอร์ตคุณเริ่มจะมีปัญหาแล้วละ ดังนั้นธุรกิจที่มีหุ้นโตเร็วนักลงทุนต้องหมั่นดูผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะประเมิณการลงทุนว่าควรขายในเวลาอันควรด้วยนะครับ